Category Archives: ท่องเที่ยว

จะไปไหนดีระหว่างเที่ยวภูเขาหรือเดินเล่นตามชายหาด

เที่ยวภูเขา

เมื่อเร็ว ๆ นี้ฉันได้พูดคุยกับเพื่อนที่คุ้มค่าเกี่ยวกับความเหนือกว่าของวันหยุดอันเงียบสงบริมทะเลมากกว่าการเดินทางบนภูเขาที่เต็มไปด้วยกิจกรรม นี่คือสิ่งที่ฉันสรุป:

หากคุณไปเที่ยวภูเขา คุณจะมีความทรงจำที่น่าตื่นเต้นมากกว่าบนชายหาดถึงสองเท่า วันหยุดที่คึกคักมักเป็นเช่นนั้น

การใช้เวลาสองสามวันบนภูเขาอย่างเต็มที่จะทำให้ร่างกายของคุณมีรูปร่างที่สมบูรณ์แบบและอารมณ์ของคุณจะดีขึ้นตามธรรมชาติ – มีข้อเท็จจริงตามหลักวิทยาศาสตร์ว่าการออกกำลังกายกลางแจ้งจะผลิตสารเอ็นดอร์ฟินจำนวนมาก (“ฮอร์โมนแห่งความสุข”)

อากาศในภูเขาสะอาดกว่า ชายหาดมักตั้งอยู่ใกล้ถนนในขณะที่ภูเขาเป็นสีเขียวและไม่สามารถสัญจรไปมาได้ นอกจากนี้ ควันจากเขตเมืองก็ไม่ได้สูงขนาดนั้น

ผู้คนบนภูเขาใจดีและช่วยเหลือดี มันเป็นกฎ และพวกเขากล่าว “สวัสดี” กับเพื่อนนักปีนเขา ฉันไม่เห็นความใจดีนั้นบนชายหาด

โอกาสที่คุณจะได้รับริ้วรอยที่เกิดจากแสงแดดบนภูเขานั้นมีโอกาสน้อยกว่าบนชายหาดมาก ผิวเกรียมเพราะถูกแดดไม่ดีต่อสุขภาพ ความจริงข้อนี้ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการจากทุกคน และบอกตามตรงว่านี่คือผิวสีแทนที่คุณไปทะเล

โอกาสในการถ่ายภาพทิวทัศน์ที่สวยงามน่าทึ่งบนภูเขามีมากขึ้น แน่นอนว่าทะเลก็สวยงามเช่นกัน แต่มันเป็นภูเขาที่คุณจะได้ภูมิทัศน์ที่หลากหลาย: ป่าไม้, ทะเลสาบ, หิน, ยอดเขา, น้ำพุ, สัตว์, พืชพรรณที่น่าสนใจ และการมองโลกจาก “ด้านบน” อันน่าทึ่ง

การเที่ยวภูเขา คุณจะได้ลองเล่นกีฬากว่า 100 ชนิด: เดินป่า,ขี่จักรยาน,เล่นสกี,สโนว์บอร์ด,เดินบนหิมะ,ทัวร์สกี

บ้านพักเขาใหญ่ที่ดีสำหรับครอบครัว

บ้านพักเขาใหญ่

อยากหาบ้านพักเขาใหญ่ที่ไม่ต้องวุ่นวายอะไรมาให้วุ่นวายเลย มีให้พร้อมทุกอย่างทั้งไดร์เป่าผม ปลั๊กสามตา สเปรย์กันยุง

บ้านพักเขาใหญ่ที่ดีสำหรับผู้หญิงเราการที่จะไปเที่ยวในแต่ละครั้งนอกจากการพกพาสุดเสื้อผ้าหน้าผมไปให้ครบในการแต่งกายให้สวยสวยจะได้ถ่ายรูปออกมาให้ดูดีและสามารถโพสต์ Facebook หรือ Instagram ได้นั้นเป็นเรื่องปกติทำให้การที่เราจะเที่ยวแต่ละครั้งนั้นต้องพกกระเป๋าใบใหญ่เพราะจะต้องใส่สัมภาระอย่างเช่นเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับไม่พอนจะเป็นเรื่องของไดร์เป่าผมเรื่องของสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆที่จะต้องพกพาไปอีกมันจึงทำให้มีสัมภาระมากจนเกินตัวของเราเองดังนั้นการไปเที่ยวไม่ว่าที่ไหนก็ตามอย่างล่าสุดวางแผนจะไปเที่ยวเขาใหญ่จึงต้องการที่จะหาบ้านพักเขาใหญ่แบบที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างที่บอก

โดยเฉพาะสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีให้กับผู้หญิงที่แต่งตัวมากๆจะดีมากกว่าการที่เราจะต้องพกพาไปเองดังนั้นการท่องเที่ยวเขาใหญ่ของเราในครั้งนี้เราจึงมีเป้าหมายในการที่จะเลือกบ้านพักเขาใหญ่ที่มีไดร์เป่าผมมีหมวกคุมผมมีอะไรให้ครบไปเลยเราจะได้ไม่ต้องพาอะไรไปให้เสียเวลาเล่นหนักจะได้พกพาแค่เสื้อผ้าไปเท่านี้กระเป๋าก็หนักมากเพียงพอแล้วตอนนี้เป้าหมายในการเลือกบ้านพักของเรานอกจากราคาเหมาะสมและมีความปลอดภัยแล้วสิ่งอำนวยความสะดวกจะต้องพบกันด้วยไม่งั้นเราไม่เลือกบ้านพักเขาใหญ่อย่างเด็ดขาดเพราะเที่ยวสบายๆสไตล์สาวๆที่ชอบการถ่ายภาพต้องสบายมากที่สุด

ภาษาเป็นอุปสรรคต่อการท่องเที่ยวเวียดนาม

มีหลายคนสอบถามมาว่าในการไปทัวร์เวียดนามนั้นมีเรื่องใดบ้างที่อาจเป็นสาเหตุที่ให้นักท่องเที่ยวรู้สึกเสียความรู้สึกจนไม่อยากกลับไปทัวร์เวียดนามอีกครั้งซึ่งในเรื่องนี้นั้นต้องบอกว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นมีโอกาสเป็นสาเหตุที่ทำให้นักท่องเที่ยวที่ไปทัวร์เวียดนามเสียความรู้สึกได้ทั้งสิ้นหากแต่ที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่นั้นคงจะหนีไม่พ้นเรื่องของความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนกันระหว่างชาวบ้านกับนักท่องเที่ยวโดยมีเรื่องภาษาเป็นหลักอย่างแน่นอนครับ

viet-16
เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าภาษาเวียดนามนั้นเป็นภาษาที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวและค่อนข้างยาก นักท่องเที่ยวไม่สามารถศึกษาภาษานี้ในระยะเวลาอันสั้นได้ ดังนั้นภาษาที่ใช้จึงมาจบลงที่ภาษาแสตนดาร์ดมาตรฐานอย่างภาษาอังกฤษซึ่งเจ้าภาษาอังกฤษนี้เองก็ไม่ได้เป็นทั้งภาษาแม่ของไทยและก็ไม่ใช่ภาษาแม่ของเวียดนามด้วยเพราะถึงแม้ว่าคนเวียดนามจะได้ชื่อว่าเป็นชนชาติที่เชี่ยวชาญในเรื่องของภาษาต่างประเทศแต่ภาษาต่างประเทศที่ว่านี้ก็ไม่ใช่ภาษาอังกฤษแต่อย่างใดหากแต่เป็นภาษาฝรั่งเศสเพราะเนื่องจากเวียดนามเคยเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศสมาก่อนดังนั้นพัฒนาการด้านภาษาอังกฤษของทั้งชาวบ้านและนักท่องเที่ยวที่ไปเที่ยวเวียดนามจึงมีตั้งแต่ขั้นแย่มากเรื่อยไปจนถึงขั้นดีมากซึ่งการที่พัฒนาการด้านภาษาที่ไม่ตรงกันนี่แหละครับทำให้เกิดการสื่อสารที่ไม่ถูกต้อง ทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนกันจนเป็นสาเหตุที่ทำให้นักท่องเที่ยวได้รับประสบการณ์ที่แย่และไม่คิดที่จะกลับไปเยือนเวียดนามอีกต่อไป
สำหรับการแก้ปัญหาในเรื่องนี้นั้นหากเราเป็นนักท่องเที่ยวที่พอมีงบประมาณอยู่บ้างการจ้างมัคคุเทศก์ท้องถิ่นเป็นไกด์คอยนำทางให้ดูท่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดครับ

เที่ยวเกาหลีสัมผัสฤดูใบไม้ผลิ

ในตอนหน้าใบไม้ผลิของประเทศเกาหลีนั้นอยู่ในระหว่างเดือนมีนาคม จวบจนกระทั่ง เดือนพฤษภาคม ซึ่งมีอุณหภูมิอยู่ที่ 6 องศา – 16 องศา ในฤดูนี้จะเป็นระยะที่มีดอกไม้บานสะพรั่ง ต้นไม้ผลิใบเต็มต้น แดดฉายแสงสดใสตลอดตลอดวัน ตอนกลางวันจะยาวกว่าราตร ซึ่งชาวเกาหลีนั้นจะถือว่าฤดูใบไม้ผลิเป็นฤดูแห่งการเริ่มต้น ภูมิประเทศต่างๆจะเต็มไปด้วยดอกไม้หลากหลายนานาพันธ์

korea-015

ความเด่นของฤดูใบไม้ผลินี้คืองานเทศกาลชมดอกซากุระเกาหลีที่ชาวเกาหลีและคนจากประเทศอื่นๆ คอยกันอยากจะไปสัมผัสการเกิดสีชมพูดของดอกซากุระด้วยกันทั้งนั้น โดยงานเทศกาลนี้จะเริ่มในอาทิตย์ที่ 2 ของเดือนเมษายน แต่ก็มีคลาดไม่เท่าไร ก็ขึ้นอยู่กับลักษณะภูมิอากาศโดยรวมด้วย ซึ่งเราเองจะต้องเป็นคนคอยเช็คด้วยว่างานเทศกาลนั้นจะมีมาเมื่อไหร่ ส่วนใหญ่ทางใต้ของประเทศเกาหลีจะบานก่อน

ถึงกระนั้นดอกซากุระนั้นอยู่ได้ไม่นาน ไม่เกิน 2 สัปดาห์ก็ร่วงหมดจากต้นแล้ว แต่เราก็ยังมีทุ่งดอกทิวลิปให้เราได้เห็นในฤดูกาลนี้อีกด้วย ซึ่งจะมีให้เจอได้ตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม จวบจนกระทั่ง ต้นเดือนพฤษภาคม
ส่วนการแต่งเนื้อแต่งตัวไปเที่ยวในช่วงนี้นั้น เลือกเสื้อผ้าที่สวมใส่แบบสบายๆ อาจจะเป็นเสื้อยืดกางเกงยีนส์ จากนั้นมีแจ็คเก็ตหรือเสื้อแขนยาวบางๆ ทับก็พอแล้ว เนื่องจากภูมิอากาศกำลังสบายๆ กำลังดีต่อการเดินไปชมวิวธรรมชาติ แต่จำต้องพกเสื้อกันหนาวติดตัวไว้ด้วยก็ดีเหมือนกันเผื่อว่าใครคิดจะเที่ยวเช้าจรดเย็น เนื่องจากช่วงเย็นจะอุณหภูมิลงเร็วมาก
และในฤดูใบไม้ผลินี้ มีเทศกาลอื่นๆที่น่าหลงใหลอีกมาก ตัวอย่างเช่น งานเทศกาลโคมไฟดอกบัว,เทศกาลทะเลแหวกที่ชินโด,หรือถ้าใครชอบลุยๆรักธรรมชาติชี้ช่องทางให้ขึ้นภูขาก็จะตรึงตาตรึงใจไปอีกแบบ

นครเปตรา (Petra) น่าค้นหาและน่าหลงใหล

jordan-026

วันนี้ทัวร์จอร์แดน ขอพาคุณๆไปชมประวัติความเป็นมาของนครเปตรา ซึ่งหลายๆท่านที่เคยไปเที่ยวคงนึกถึงหินสลักสวยงามในหุบเขา แต่สำหรับใครที่ยังไม่เคยไป ไม่เคยได้ยินชื่อ วันนี้ทัวร์จอร์แดน จะพาคุณไปรู้จักกับนครแห่งอารยธรรมแห่งนี้กัน
นครเปตรา คือ นครหินแกะสลักโบราณที่ซ่อนตัวอย่างลึกลับในหุบเขาวาดี มูซา หุบเขาที่ตั้งอยู่ระหว่างทะเลสาบเดดซีกับทะเลอัคบาในประเทศจอร์แดน นครนี้แต่เดิมนั้นเป็นนครแห่งการค้าขนาดใหญ่ซึ่งต่อมาถูกละทิ้งเป็นเวลานานกว่า 700 ปี จนเมื่อมีนักสำรวจชาวสวิตเซอร์แลนด์ โยฮันน์ ลุควิก บวร์กฮาร์ท เดินทางผ่านมาพบเห็นเข้าเมื่อปี พ.ศ. 2355 (ค.ศ. 1812)
เส้นทางเข้าเมืองเพตราผ่านไปในช่องเขาคดโค้งที่เกิดจากการแยกของแผ่นดินไหว เป็นหน้าผาสูงชันสองฝั่ง บางช่วงมีการปูหินกระเบื้องให้ง่ายต่อการเดินสำหรับคนที่ไม่อยากเดินก็มีรถ ม้าให้บริการผมเลือกเดินเข้าไปตามเส้นทางระหว่างช่องเขา ได้เห็นวิวสวยงามอลังการ เต็มไปด้วยภาพแกะสลักก่อนเข้าไปสู่เมืองด้านใน ต้องผ่าน The Treasury หรือ Alkhazneh ซึ่งเป็นอาคารที่สลักจากหินสีชมพูด้านในมีลวดลายที่เกิดจากการทับถมของชั้น หินและมีการแกะสลักงดงามเชื่อว่าสมัยก่อนเป็นที่เก็บสมบัติ จึงเรียกอาคารนี้ว่า The Treasury เมื่อก่อนบรรดาพ่อค้าที่ผ่านจุดนี้จะต้องเสียค่าผ่านทางถือเป็นค่าคุ้มกัน ขบวนสินค้า ซึ่งเงินที่เก็บได้ก็จะไปรวมอยู่ในThe Treasury นั่นเอง
ประวัติการก่อตั้งและความเจริญรุ่งเรือง
ชนกลุ่มแรกที่เดินทางเข้ามาสู่เปตราคือพวกเอโดไมต์ ซึ่งเข้ามาราวปี 1000 ปีก่อนคริสตกาล แต่ชนชาติที่สร้างเมืองเปตราขึ้นมานั้นคือชาวนาบาเทียน (Nabataeans) ในช่วงศตวรรษที่ 4 ก่อนคริสตกาล ซึ่งแต่เดิมเป็นเพียงชนเผ่าเร่ร่อนในทะเลทรายอาหรับ คนกลุ่มนี้สกัดผาหินทรายเป็นบ้านเรือนและอาศัยอยู่ในถ้ำทีมีอยู่ทั่วเมือง พวกเขามีอาชีพเป็นคนเลี้ยงแกะ แต่เปลี่ยนมาค้าขายและรับจ้างเป็นยามรักษาความปลอดภัยให้แก่กองคาราวาน คนเผ่านี้มีความซื่อสัตย์ ค่าธรรมเนียมผ่านทางที่เรียกเก็บจากผู้สัญจรก็ช่วยให้พวกนาบาเทียนมีชีวิต ที่รุ่งเรื่องขึ้น
สาเหตุที่เปตราตั้งอยู่บนดินแดนอันแห้งแล้ง มีแต่หินกับทรายนั้นก็น่าจะเพราะเปตราตั้งอยู่เส้นทางการค้าสำคัญที่สุดของ โลกในขณะนั้น 2 สาย ได้แก่เส้นทางสายสายตะวันออก – สายตะวันตก คาบสมุทรอาหรับกับอ่าวเปอร์เซียจนถึงทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และสายสายเหนือ – ใต้ ที่เชื่อมทะเลแดงกับ กรุงดามัสกัส ซีเรีย นอกจากนั้นเมืองนี้ยังมีแหล่งน้ำจืดสำคัญซึ่งต่อมาเรียกกันว่า วาดี มูซา หรือ หุบเขาโมเสส ซึ่งเล่ากันว่าเป็นน้ำที่ได้เมื่อโมเสสเสกออกมาเพื่อให้ชาวยิวได้ กินแก้กระหาย เหล่าพ่อค้าหรือนักเดินทางที่เดินทางผ่านทะเลทรายอันว่างเปล่าและแห้งแล้ง ใกล้เคียงนั้นไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากมุ่งมาที่เมืองเปตราอย่างเดียว
เปตราเป็นศูนย์กลางค้าขนาดใหญ่ จนทำให้นักเดินทางชาวกรีกมักนำเรื่องความมั่งคั่งมาเล่าให้ฟัง ตามบันทึกของสตราโบ นักภูมิศาสตร์ชาวกรีกได้อธิบายไว้ว่า เมืองเปตราเป็นตลาดซื้อสินค้าสำคัญที่สุดของโลกตะวันออก ยางไม้หอม กำยาน เครื่องเทศของชาวอาหรับ ทองแดง เหล็ก เครื่องปั้นดินเผา รูปปั้น ผ้าย้อมของชาวฟินิเซียนล้วนถูกลำเลียงผ่านเมืองเปตราไปสู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และชาวเปอร์เซีย
•    วิหารใหญ่ในเมืองเปตรา – เปตราเจริญถึงขีดสูงสุดในช่วง 50 ปีก่อนคริสตกาล จนถึงคริสต์ศักราชที่ 70 ในช่วงเวลานี้เปตราถูกปกครองด้วยกษัตริย์นาม อารีตัสที่ 4 (Aretas IV) ผู้ที่ชาวกรีกยกย่องให้ว่า ฟิโลเดมอส (Philodemos) ซึ่งแปลว่า ผู้รักประชาชน และด้วยความมั่งคั่ง ความเป็นเมืองที่อยู่ห่างไกล และชัยภูมิอันจากแก่การพิชิต จึงทำให้เมืองมีโอกาสเจริญเติบโตได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องกลัวศัตรูจากภายนอก
ชาวเปตรานับถือเทพเจ้าสององค์คือ เทพดูซาเรส (Dushares) เทพแห่งความอุดมสมบูรณ์ และเทพอัลอัซซา (Al Uzza) ชายาของเทพดูซาเรส เทวีแห่งน้ำ
•    การล่มสลาย
ด้วยเหตุที่เกิดเมืองใหม่และเส้นทางค้าขายใหม่ที่ปลอดภัยและสะดวกกว่าใน ช่วงเวลาต่อมา เปตราที่เคยเจริญรุ่งเรืองด้วยการค้าก็เริ่มสูญเสียอำนาจลง เมืองอ่อนแอและถูกต่างชาติโจมตีเข้าได้ง่าย จนเมื่อถึงปี พ.ศ. 649 (ค.ศ. 106) พวกโรมันนำโดยจักรพรรดิทราจัน หรือ ไทรอะนุส(Traianus) ได้เข้ายึดครองเปตราและผนวกนครนี้เข้าเป็นจังหวัดในจักรวรรดิโรมัน แต่เปตราก็ยังคงดำรงอยู่เรื่อยมาจนถึงราวปี ค.ศ. 300 เมื่อจักรวรรดิโรมันเริ่มคลอนแคลน ซึ่งต่อมาในปี พ.ศ. 906 (ค.ศ. 363) แผ่นดินไหวก็ได้ทำลายอาคารและระบบชลประทานที่ถือว่าดีมากของเมืองลง
ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 5 เปตรากลายเป็นที่ตั้งคริสต์ศาสนามณฑลของบิชอป แล้วถูกมุสลิมยึดในคริสต์ศตวรรษที่ 7 แล้วก็เสื่อมถอยมาเรื่อยๆ จนลบเลือนหายไปจากผู้คน ถึงแม้ซากเมืองเปตราจะเป็นสิ่งที่น่าอยากรู้อยากเห็นของผู้คนในช่วงยุคกลาง เช่นมีสุลต่านของ อียิปต์ ไบบารส์ (Sultan Baibars) เดินทางเข้าไปเยี่ยมชนในช่วงก่อนคริสต์ศตวรรษที่ 13 แต่การค้นพบเปตราที่นำไปสู่การเปิดเผยต่อสายตาชาวโลกเกิดขึ้นอย่างเงียบๆ เมื่อปี พ.ศ. 2355 (ค.ศ. 1812) เมื่อมีนักสำรวจชาวสวิตเซอร์แลนด์ โยฮันน์ ลุควิก บวร์กฮาร์ท (Johann Ludwig Burckhardt) ซึ่งกำลังเดินทางจากจอร์แดนไปอียิปต์เพื่อไปศึกษาถึงแหล่งที่เป็นต้นกำเนินของแม่น้ำไนล์ บวร์กฮาร์ทได้เห็นด้านหน้าอันใหญ่โตของเปตรา แต่ผู้นำทางท้องถิ่นสั่งห้ามมิให้เขาลงไปทำอะไรที่นั่น บวร์กฮาร์ทจึงแอบบันทึกย่อไว้ขณะที่อูฐเดินผ่าน ถึงแม้จะเป็นเพียงบันทึกเล็กๆ คร่าวๆ แต่ก็ถือได้ว่าเป็นการที่เปิดเมืองสู่สายตาชาวโลก ซึ่งต่อมาในปี พ.ศ. 2369 (ค.ศ. 1826) เลออง เดอ ลาบอร์ด (Leon de Laborde) ชาวฝรั่งเศสที่ได้เดินทางเข้าไปสำรวจเมืองและเขียนหนังสือออกมาเล่มหนึ่งชื่อว่า “Voyage de I’ Arabir Petree” แปลว่า “การเดินทางในเปตราแห่งอาหรับ” (ตีพิมพ์ในปี พ.ศ. 2373) ซึ่งการเขียนหนังสือครั้งนี้ถือเป็นการนำภาพและความรู้ต่างๆที่ชาวโลกไม่เคยเห็นมาเปิดเผยให้ได้รับรู้ การสำรวจทางโบราณคดีเริ่มขึ้นในช่วงต้นของคริสต์ศตวรรษที่ 20 ซึ่งในปัจจุบันก็ยังคงดำเนินการสำรวจอยู่
•    มรดกโลก
เปตราได้รับลงทะเบียนให้เป็นมรดกโลกที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ 9 เมื่อปี พ.ศ. 2528 โดยกล่าวอธิบายไว้ว่า “เป็นหนึ่งในสิ่งที่ล้ำค่ามากที่สุดของมรดกทางวัฒนธรรมแห่งมวลมนุษยชาติ” (one of the most precious cultural properties of man’s cultural heritage) ปัจจุบันสามารถเดินทางเข้าไปโดยอาศัยม้าเท่านั้น เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 นครเปตราได้รับคัดเลือกให้เป็น 1 ใน เจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ของโลก จากการลงคะแนนทั่วโลกทั้งทางอินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์มือถือ เปตราได้รับลงทะเบียนให้เป็นมรดกโลกที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ด้วยข้อกำหนดและหลักเกณฑ์ในการพิจารณา ดังต่อไปนี้
– เป็นตัวแทนที่แสดงถึงผลงานชิ้นเอกทีได้ถูกจัดทำขึ้นด้วยการสร้างสรรค์อันแสนฉลาด
– เป็นสิ่งที่ยืนยันถึงหลักฐานของวัฒนธรรมหรืออารยธรรมที่ปรากฏให้เห็นอยู่ในปัจจุบันหรือว่าที่สาบสูญไปแล้ว
– เป็นตัวอย่างอันโดดเด่นของประเภทของสิ่งก่อสร้างอันเป็นตัวแทนของการพัฒนาทางด้านวัฒนธรรม สังคม ศิลปกรรม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี อุตสาหกรรม ในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ
เมื่อคุณรู้จักนครเปตราแล้ว อย่ารอช้าเตรียมไปเที่ยวกับทัวร์จอร์แดนเลยนะจ้ะ

ขับรถส่วนตัวไปเที่ยวลาว

lao-022

ไม่ทราบว่าผู้อ่านที่รักของผมในที่นี้มีใครเคยไปทัวร์ลาวเช่นกันการขับรถยนต์ไปเองกันบ้างครับ กระผมเชื่อเหลือเกินขอรับว่าน่าจะก็จะยังมีอีกหลายท่านที่รับทราบว่าการไปทัวร์ลาวนั้นสามารถทำได้ด้วยการนั่งรถไฟแล้วข้ามเขตผ่านแดนไปลาวหรือไม่นั่งรถทัวร์ไปลาวโดยที่ยังไม่รับทราบว่าเราสามารถสร้างรถยนต์ส่วนตัวของผมนั้นเดินทางไปทัวร์ลาวได้เช่นกันตัวอย่างเช่นกันซึ่งจะต้องขอบคุณมิตรภาพอันดีระหว่างไทยและลาวที่เปรียบเสมือนที่อยู่อาศัยพี่เมืองน้องพร้อมทั้งสะพานมิตรภาพจุดอื่นๆ ที่ส่งผลให้ไทยลาวได้ใกล้ชิดกันเยอะขึ้น

               เพื่อจะขั้นตอนการนำรถยนต์ข้ามฝั่งไปยังประเทศชาติลาวนั้นจำได้ว่าเคยมีกล่าวรวมๆ ไปบ้างแล้วดังนั้นจึงขออนุญาตไม่สนทนาถึงซ้ำอีกแต่จะอาจจะขอพูดถึงเรื่องราวทั่วไปของถนนในประเทศชาติลาวกันดีกว่าขอรับ

               ถนนประเทศลาวนั้นมีความยาวโดยประมาณทั้งสิ้น 21,716 กิโลเมตร โดยแบ่งเป็นทางลาดยางคอนกรีตยางประมาณเกือบๆ หนึ่งหมื่นกิโลเมตรส่วนที่เหลือนั้นคงยังคือดินลุกรังพร้อมทั้งถนนขรุขระอยู่ แต่อย่างไรก็ตามทางรัฐบาลลาวเองนั้นเขาก็ได้มีการปรับปรุงถนนปกติๆ ให้กลายคือถนนลาดยางเพิ่มขึ้นไปทุกปีโดยมีการตั้งเป้าไว้ว่าให้ถนนสายหลักทุกสายของลาวเป็นถนนลาดยางให้เสร็จก่อนที่จะก็จะเปิดรับ AEC ในปี 2558

               มีข้อควรเสนอสำหรับผู้ที่ประเมินจะคงจะนำรถยนต์ของตัวเองไปเที่ยวลาวมาฝากกันครับเป็นทันทีที่ผมข้ามผ่านแดนไปยังประเทศลาวแล้วผมจะต้องขับรถเลนขวาทันทีครับผมเนื่องจากเพราะประเทศลาวนั้นเขาขับรถกันเลนขวาไม่ราวกับประเทศชาติผมที่ขับรถเลนซ้ายไม่เช่นนั้นแล้วเกิดอุบัติเหตุอย่างแน่นอนขอรับ

พิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจในสิงคโปร์

singapore-0018

ในบทความตอนที่แล้วผมได้พาคณะทัวร์สิงคโปร์ของผมไปรู้จัดพิพิธภัณฑ์ปารานากันแห่งประเทศสิงคโปร์ที่มีนักท่องเที่ยวทั้งทัวร์สิงคโปร์เองและทัวร์ภายนอกต่างมาเยี่ยมชมเพื่อสัมผัสถึงอารายธรรมในแถบภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ซึ่งผมรับประกันครับว่าคณะทัวร์สิงคโปร์ท่านใดที่ได้มาที่นี่ย่อมได้รับความรู้กลับไปอย่างเต็มๆ แน่นอน

               แต่อย่างไรก็ตามประเทศสิงคโปร์นั้นเขาไม่ได้มีดีเพียงแค่พิพิธภัณฑ์ปารานากันเท่านั้นนะครับหากแต่เขายังมีพิพิธภัณฑ์อื่นๆ ที่น่านใจอีกหลายแห่งด้วยกันส่วนจะมีที่ไหนบ้างนั้นเราไปดูกันเลยดีกว่าครับ

               เรามาเริ่มต้นกันด้วยพิพิธภัณฑ์อารยธรรมเอเชียกันก่อนเลยครับ พิพธภัณฑ์แห้งนี้นั้นจัดตั้งขึ้นเพื่อการจัดแสดงพัฒนาการทางเศรษฐกิจ สังคมและการเมืองตลอดช่วงประวัติศาสตร์จีนรวมถึงการจัดแสดงเฟอร์นิเจอร์ เครื่องเซรามิกลายครามและเครื่องหยกต่างๆ รวมไปถึงผลงานศิลปะที่ดีที่สุดของจีนอีกด้วย

               ส่วนพิพิธภัณฑ์ต่อมาที่อยากพาทุกท่านไปสัมผัสก็คือพิพิธภัณฑ์ศิลปะสิงคโปร์นั่นเองครับ พิพิธภัณฑ์ศิลปะสิงคโปร์แห่งนี้เหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ชื่นชอบและชื่นชมในศิลปะโดยในพิพิธภัณฑ์จะมีการจัดแสดงศิลปะอันทันสมัยรวมไปถึงของโบราณจากสิงคโปร์และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สถานที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เดิมทีเป็นโรงเรียนชายล้วนแห่งแรกของสิงคโปร์ที่สร้างขึ้นโดยพระสถาปนิกชาวฝรั่งเศสในนิกายโรมันแคธอลิกมาก่อนส่วนจุดที่เป็นไฮไลท์และดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยวได้มากที่สุดก็คือ E-mage Gallery ที่ซึ่งจัดแสดงศิลปะแบบตอบโต้สองทางบนจอภาพขนาดใหญ่ที่มีความคมชัดสูงซึ่งแสดงเนื้อหาเกี่ยวกับศิลปะของภูมิภาคเอเชียตะวันนออกเฉียงใต้ในศตวรรษที่ 20 ครับ