เพื่อนักท่องเวปเพลงอื่นๆ เวลาค้นจัดหาส่วนเยอะแยะต้องใช้คำว่า เพลงใหม่ เพลงใหม่ล่าสุด เพลงใหม่ยอดนิยม เพลงใหม่ไทย เพลงใหม่สากล พร้อมกับ ต่างๆอีกเยอะ ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อคีย์เข้าไปในกูเกิ้ลแล้วจะน่าจะพบเพลงหลายๆให้ตัดสินใจ ทั้งเพลงใหม่ล่าสุด เพลงใหม่ทั้งไทยและต่างประเทศ มากนับไม่ถ้วน เนื่องจากเพลงใหม่ๆจากศิลปินทั่วโลกมีออกมาทุกวัน
นอกจากคำค้นในภาษาไทยแล้ว คำค้นในภาษาสากลอย่างภาษาอังกฤษก็มีตัวอย่างเช่นกันอาทิเช่น new song , song new , new single หรือเปล่า ต่างๆนาๆเยอะแยะตามแต่จะอาจจะคิดกันได้ แต่ทุกอย่างมันก็หมายถึงการค้นหาเพลงใหม่ของศิลปินต่างๆนั่นเอง ซึ่งในต่างประเทศชาติเองเขาก็มีเวปไซค์ ให้บริการฟังเพลงใหม่ หรือ ดาวน์โหลดเพลงใหม่อาทิเดียวกันกับบ้านที่พักอาศัยฉัน ประกอบถึงบางเวปสามารถจัดหาเพลงฟังได้จากทั่วโลกเช่นกัน ซึ่งไม่ว่าประเทศไหนก็มีบริการให้ทั้งสิ้น หรือ แม้แต่เวปสโตร์ของผู้ผลิตสมาร์ทโฟนชื่อดัง คงมีให้บริการดาวน์โหลดเพลงใหม่จากทั่วทุกมุมโลกในแบบเสียเงินแต่ละเพลง และแม้กระทั้งโหลดเต็มอัลบั๊มก็มี ซึ่งจะอาจจะเห็นได้ชัดว่าปัจจุบันนี้การท้องตลาดของเพลงใหม่มุ่งเน้นการดาวน์โหลดมากกว่าเซทติดตั้งแผ่นค้าขายกันจริงๆจัง แหมือนกันทั่วโลก เพราะว่า เข้าถึงราบรื่นอย่างง่ายดาย ว่องไว และเห็นรายได้กระจ่าง ซึ่งหากเป็นการออกแผ่นแน่นอนว่ารายได้ก็จะไม่หลากหลาย เนื่องจากต้องมีแผ่นปลอมออกมาค้าในราคาที่ถูกกว่าหลายเท่าตัว ซึ่งส่งผลให้รายได้ของค่ายเพลงพร้อมกับศิลปินได้จากส่วนนี้น้อยกว่าการดาวน์โหลด ซึ่งเพื่อที่จะยุคดิจิตอล แน่นอนว่า โลกออนไลน์กลายเป็นการตลาดที่สำคัญที่สุดไปแล้ว
ดูดวงแบบไหนแม่นที่สุด อันนี้ยังตอบไม่ได้ เพราะแต่ละประเทศก็มีแนวทางหรือไม่ศาสตร์การดูดวงที่แตกต่างๆกัน มีทั้งดูดวงจากชื่อ ดูดวงจากเบอร์มือถือ ดูดวงจากลายมือ ดูดวงจากลักษณะรูปร่างหน้าตา ดูดวงจากโชคชะตาราศีดาว ดูไพ่ยิปซี พร้อมด้วย ดูดวงเช่นกันวิธีต่างๆที่ข้าพเจ้าไม่รับรู้อีกเยอะแยะพร้อมด้วยศาสตร์การดูดวงเป็นศาสตร์ลี้ลับที่กระผมไม่สามารถหาคำตอบที่แท้จริงได้ทั้งหลาย
จนกระทั่งหากจะน่าจะบอกว่าหมอดูคนไหนแม่น ดูดวงวิธีไหนแม่นที่สุด ยังตอบไม่ได้จริงๆ เพราะขึ้นอยู่กับความเชื่อพร้อมด้วยความฝันของแต่ละคนจริงๆ พร้อมทั้ง ขึ้นไปอยู่กับการให้ความพิเศษกับคำพยากรณ์เพราะว่าหากเราตัดสินใจที่จะคงจะเชื่อคำทำนายทั้งหมดโดยไม่คิดเลือกหรือเปล่าตั้งสติให้ดีก่อนที่จะอาจจะเชื่อการันตีได้ว่ามันก็ต้องแม่นไปทุกเรื่อง หรือ บางคนมีสติในการฟังคำทำนายคิดเลือกหาเหตุพร้อมด้วยผลอื่นๆมารวมคำพยากรณ์ก่อนที่ตีความว่าตรงหรือเปล่าไม่ แน่นอนว่ามันจะต้องมีการความแตกแยกกันในตัวพร้อมทั้งผลออกมาคือเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งพร้อมด้วยระมัดระวังมีสติในการดำเนินชีวิตหลากหลายกว่าคนที่เชื่อทั้งหลาย พร้อมด้วย สุดท้ายไม่เชื่ออยู่แล้วไม่ว่าใครจะน่าจะทักอะไรมาก็จะก็จะมองว่าเหลวไหลไร้สาระหรือมีแม้กระทั่งลองให้หมอดูดังๆนั้นลองดูดวงตัวเองว่าแม่นจริงดังคำเล่าลือหรือเปล่าก็มีกันมาแล้ว ใช่หรือไม่ แม้แต่หมอดูเองยังไม่สามารถดูอนาคตตัวเองได้ 100% ดังนั้นก็จึงบอกไม่ได้ว่าศาสตร์ไหนจะก็จะแม่นยำหลากหลายที่สุด รวมถึงหมอดูคนไหนเชื่อถือได้หลายๆที่สุดอีกด้วย
เพื่อนๆ ที่ได้เคยมีโอกาสจับหุ่นยนต์อาซิโมตัวคือๆ ทั้งที่นำมาโชว์ในงาน BOI Fair หรือเปล่าได้ดูการถ่ายทอดสดหรือเปล่าเทปพิมพ์ภาพที่เกี่ยวพันกับเจ้าหุ่นยนต์อาซิโมนี้เคยอยากรู้กันบ้างไหมครับว่าในการนำเจ้าหุ่นอาซิโมออกมาโชว์ตัวในแต่ละครั้งทางฮอนด้าเองแทบจะอาจไม่เคยโฆษณารถยนต์หรือไม่ผลิตภัณฑ์ของตนเลยเช่นเดียวกับว่าไมได้มีส่วนในการจัดทำเจ้าหุ่นเก่งตัวนี้เลยแม้แต่ครั้งเดียวแล้วอย่างนี้ Honda จะคงจะได้อะไรล่ะ
จริงอยู่ครับที่ว่าการนำเสนอเจ้าหุ่นอาซิโมแต่ละครั้งแทบจะอาจไม่มีการคุยถึงรถยนต์ฮอนด้าหรือของซื้อของขายของฮอนด้าเลยแต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าฮอนด้าจะไม่ได้อะไรเลยนะครับผมเนื่องจากในเรื่องการตลาดการสร้างแบบ Brand Honda นี้มีผลประโยชน์แอบแฝงอย่างแน่นอนซึ่งกระผมจะอาจได้เล่าแจ้งแถลงไขให้ทุกคุณได้ทราบกันครับ
สิ่งแรกสุดที่ Honda ได้อย่างแน่นอนเลยก็เป็นเทคโนโลยีอันทันสมัยซึ่งเทคโนโลยีที่ใช้ในการผลิตหรือว่าบงการเจ้าหุ่นอัจฉริยะนี้ทางฮอนด้าเองมองแล้วว่าสามารถนำไปต่อยอดเพื่อที่จะใช้กับรถของตนในคราวหน้าได้จนกระทั่งการทุ่มทุนลงไปสำหรับวิจัยและเปลี่ยนแปลงจึงเป็นการลงทุนที่ไม่เสียเปล่า
สิ่งถัดมาก็คือแบรนด์ครับเนื่องจากเพราะว่าคนบนโลกนี้ไม่ได้ขับขี่รถยนต์กันทุกคนดังนั้นคนที่ไม่ได้สนใจในเรื่องรถอาจจะอาจไม่เคยได้ยินหรือไม่คุ้นหูในนามแบรนด์ฮอนด้าแต่เมื่อได้มีการนำเชิญชวนเจ้าหุ่นอาซิโมนี้ออกไปแม้คนที่ไม่ได้ขับขี่รถก็สามารถจดจำได้ทันทีว่าหุ่นอาซิโมตัวนี้คือผลงานของ Honda ซึ่งการที่ Honda สร้างเป็นต้นว่านี้ภาษาทางการท้องตลาดเขาเรียกว่า Brandname Awareness ครับผม
ในตอนที่แล้วฉันได้คุยถึงเรื่องของการวิจัยพร้อมกับพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ของ Honda ที่มีส่วนผลักดันให้ Honda ประสบความสำเร็จไปพร้อมกับทิ้งท้ายไว้อีกด้วยผลงานชิ้นโบว์แดงอันเป็นผลงานสุดภาคภูมิใจของบรรดาเจ้าหน้าที่ฮอนด้าทุกคนซึ่งก็เป็น “อาซิโม” จนกระทั่งในวันนี้ฉันจะก็จะมาต่อเรื่อง “อาซิโม” กันครับผม
อาซิโม หรือ ASIMO นั้นคือหุ่นยนต์ประเภทฮิวแมนนอยด์หรือหุ่นยนต์ที่เลียนแบบผู้คนที่ทางฮอนด้าและฝ่ายวิจัยปรับเปลี่ยนของบริษัทได้คิดค้นขึ้นไปมา โดยเจ้าหุ่น ASIMO นั้นได้รับการเปิดตัวต่อสายตามนุษย์นับล้านบนโลกเป็นครั้งแรกในปีพุทธศักราช 2543 จากนั้นจึงได้มีการปรับปรุงพร้อมทั้งพัฒนาเจ้า ASIMO ให้มีความสามารถใหม่ๆ เพิ่มเติมขึ้นมาให้ใกล้เคียงกับประชากรเยอะแยะที่สุดอยู่เรื่อยๆ จนกระทั่งถึงสมัยปัจจุบัน
เพื่อให้นาม ASIMO นั้นหลายคนจะจะจะคิดว่าเป็นนามของนาย ไอแซค อสิมอฟ นักวิทยาศาสตร์ด้านหุ่นยนต์นามดังของโลกโดยมีการตั้งนามเพื่อที่จะเป็นเกียรติแก่เขาผู้ซึ่งทรงคุณูปการต่อโลกแต่ท้ายที่สุดแล้วทาง Honda ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าคำว่า ASIMO ที่ใช้คือชื่อของหุ่นนั้นย่อมาจากคำว่า Advanced Step in Innovative Mobility ซึ่งมีความหมายว่า “นวัตกรรมแห่งการเคลื่อนที่อันล้ำสมัย” มิได้มีความเกี่ยวกันกับนายอสิมอฟแต่อย่างใด
สมัยปัจจุบันหุ่นยนต์อาซิโมนี้ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกโดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มของนักวิทยาศาสตร์แถบยุโรปพร้อมทั้งอเมริกาว่าเป็นหุ่นยนต์ที่มีศักยภาพใกล้เคียงกับมนุษย์เยอะแยะที่สุดอีกทั้งคงจะคงจะมีประโยชน์อันใหญ่หลวงต่อมนุษยชาติในอนาคตอันใกล้นี้อีกอีกด้วย
มาถึงบรรทัดนี้แล้วเราเชื่อว่าหลายคนยังจะจะรู้จักกับเจ้าหุ่นยนต์เก่งตัวนี้ดีขึ้นไปกว่าเดิมแล้วอย่างแน่นอนจนกระทั่งในบทความตอนต่อไปเราจะก็จะมาดูกันว่าฮอนด้าได้อะไรจากการทำหุ่นยนต์ ASIMO นี้ขอรับ
หากจะพูดถึงขนมหวานที่ได้รับความนิยมในบ้านเราแล้วล่ะก็เชื่อเหลือเกินครับว่าขนมเค้กคงจะเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ที่มีผู้รู้จักมากที่สุดเพราะในปัจจุบันนี้ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็ล้วนแล้วแต่เห็นร้านขายขนมเค้ก ร้านเบเกอรี่เปิดขายกันอยู่ดาษดื่น ยังไม่รวมไปถึงโรงเรียนหรือสถาบันที่สอนทำขนมเค้กที่มีมากมายนับสิบเจ้าอีกด้วย
เมื่อพูดถึงการเรียนการสอนทำขนมเค้กแล้วนั้นต้องบอกครับว่าในปัจจุบันนี้หากใครเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้จะสามารถทำรายได้จากการสอนทำขนมเค้กได้เป็นกอบเป็นกำมากกว่าในสมัยก่อนเสียอีก สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าในสมัยนี้วัสดุอุปกรณ์ในการทำขนมเค้กหาง่ายและสะดวกขึ้นกว่าแต่ก่อนอีกทั้งยังมีราคาถูกดังนั้นใครๆ ก็สามารถเรียนรู้การทำขนมเค้กได้ขอเพียงแค่มีเงินและมีเวลาเท่านั้นเอง
จากการสำรวจของกรมพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เมื่อปีที่ผ่านมาพบว่าปัจจุบันนี้คนส่วนใหญ่เรียนทำขนมเค้กไม่ได้เพื่อสำหรับการทำกินเองในบ้านอีกต่อไปหากแต่เป็นการเรียนเพื่อนำไปใช้ในการประกอบอาชีพอีกด้วยซึ่งประมาณการคร่าวๆ ได้ว่าเพิ่มขึ้นจากแต่ก่อนถึง 30% ซึ่งสอดคล้องจากการวิจัยทางการตลาดของผู้เชี่ยวชาญในเรื่องของธุรกิจการให้บริการอาหารและเครื่องดื่มว่าธุรกิจดังกล่าวในปีนี้จะมีการขยายตัวมากขึ้นและยังไม่อิ่มตัวแต่อย่างใด
ดังนั้นหากใครที่มีฝีมือในเรื่องของการทำขนมเค้กหรือเพิ่งไปเรียนทำเค้กจบมาหมาดๆ ล่ะก็น่าจะลองกระโดดเข้ามาเล่นในธุรกิจนี้ดูนะครับเพราะไม่แน่ว่าคุณอาจจะได้เป็นเศรษฐีใหม่กับเขาบ้างก็เป็นได้
วันนี้ทัวร์จอร์แดน ขอพาคุณๆไปชมประวัติความเป็นมาของนครเปตรา ซึ่งหลายๆท่านที่เคยไปเที่ยวคงนึกถึงหินสลักสวยงามในหุบเขา แต่สำหรับใครที่ยังไม่เคยไป ไม่เคยได้ยินชื่อ วันนี้ทัวร์จอร์แดน จะพาคุณไปรู้จักกับนครแห่งอารยธรรมแห่งนี้กัน
นครเปตรา คือ นครหินแกะสลักโบราณที่ซ่อนตัวอย่างลึกลับในหุบเขาวาดี มูซา หุบเขาที่ตั้งอยู่ระหว่างทะเลสาบเดดซีกับทะเลอัคบาในประเทศจอร์แดน นครนี้แต่เดิมนั้นเป็นนครแห่งการค้าขนาดใหญ่ซึ่งต่อมาถูกละทิ้งเป็นเวลานานกว่า 700 ปี จนเมื่อมีนักสำรวจชาวสวิตเซอร์แลนด์ โยฮันน์ ลุควิก บวร์กฮาร์ท เดินทางผ่านมาพบเห็นเข้าเมื่อปี พ.ศ. 2355 (ค.ศ. 1812)
เส้นทางเข้าเมืองเพตราผ่านไปในช่องเขาคดโค้งที่เกิดจากการแยกของแผ่นดินไหว เป็นหน้าผาสูงชันสองฝั่ง บางช่วงมีการปูหินกระเบื้องให้ง่ายต่อการเดินสำหรับคนที่ไม่อยากเดินก็มีรถ ม้าให้บริการผมเลือกเดินเข้าไปตามเส้นทางระหว่างช่องเขา ได้เห็นวิวสวยงามอลังการ เต็มไปด้วยภาพแกะสลักก่อนเข้าไปสู่เมืองด้านใน ต้องผ่าน The Treasury หรือ Alkhazneh ซึ่งเป็นอาคารที่สลักจากหินสีชมพูด้านในมีลวดลายที่เกิดจากการทับถมของชั้น หินและมีการแกะสลักงดงามเชื่อว่าสมัยก่อนเป็นที่เก็บสมบัติ จึงเรียกอาคารนี้ว่า The Treasury เมื่อก่อนบรรดาพ่อค้าที่ผ่านจุดนี้จะต้องเสียค่าผ่านทางถือเป็นค่าคุ้มกัน ขบวนสินค้า ซึ่งเงินที่เก็บได้ก็จะไปรวมอยู่ในThe Treasury นั่นเอง
ประวัติการก่อตั้งและความเจริญรุ่งเรือง
ชนกลุ่มแรกที่เดินทางเข้ามาสู่เปตราคือพวกเอโดไมต์ ซึ่งเข้ามาราวปี 1000 ปีก่อนคริสตกาล แต่ชนชาติที่สร้างเมืองเปตราขึ้นมานั้นคือชาวนาบาเทียน (Nabataeans) ในช่วงศตวรรษที่ 4 ก่อนคริสตกาล ซึ่งแต่เดิมเป็นเพียงชนเผ่าเร่ร่อนในทะเลทรายอาหรับ คนกลุ่มนี้สกัดผาหินทรายเป็นบ้านเรือนและอาศัยอยู่ในถ้ำทีมีอยู่ทั่วเมือง พวกเขามีอาชีพเป็นคนเลี้ยงแกะ แต่เปลี่ยนมาค้าขายและรับจ้างเป็นยามรักษาความปลอดภัยให้แก่กองคาราวาน คนเผ่านี้มีความซื่อสัตย์ ค่าธรรมเนียมผ่านทางที่เรียกเก็บจากผู้สัญจรก็ช่วยให้พวกนาบาเทียนมีชีวิต ที่รุ่งเรื่องขึ้น
สาเหตุที่เปตราตั้งอยู่บนดินแดนอันแห้งแล้ง มีแต่หินกับทรายนั้นก็น่าจะเพราะเปตราตั้งอยู่เส้นทางการค้าสำคัญที่สุดของ โลกในขณะนั้น 2 สาย ได้แก่เส้นทางสายสายตะวันออก – สายตะวันตก คาบสมุทรอาหรับกับอ่าวเปอร์เซียจนถึงทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และสายสายเหนือ – ใต้ ที่เชื่อมทะเลแดงกับ กรุงดามัสกัส ซีเรีย นอกจากนั้นเมืองนี้ยังมีแหล่งน้ำจืดสำคัญซึ่งต่อมาเรียกกันว่า วาดี มูซา หรือ หุบเขาโมเสส ซึ่งเล่ากันว่าเป็นน้ำที่ได้เมื่อโมเสสเสกออกมาเพื่อให้ชาวยิวได้ กินแก้กระหาย เหล่าพ่อค้าหรือนักเดินทางที่เดินทางผ่านทะเลทรายอันว่างเปล่าและแห้งแล้ง ใกล้เคียงนั้นไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากมุ่งมาที่เมืองเปตราอย่างเดียว
เปตราเป็นศูนย์กลางค้าขนาดใหญ่ จนทำให้นักเดินทางชาวกรีกมักนำเรื่องความมั่งคั่งมาเล่าให้ฟัง ตามบันทึกของสตราโบ นักภูมิศาสตร์ชาวกรีกได้อธิบายไว้ว่า เมืองเปตราเป็นตลาดซื้อสินค้าสำคัญที่สุดของโลกตะวันออก ยางไม้หอม กำยาน เครื่องเทศของชาวอาหรับ ทองแดง เหล็ก เครื่องปั้นดินเผา รูปปั้น ผ้าย้อมของชาวฟินิเซียนล้วนถูกลำเลียงผ่านเมืองเปตราไปสู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และชาวเปอร์เซีย
• วิหารใหญ่ในเมืองเปตรา – เปตราเจริญถึงขีดสูงสุดในช่วง 50 ปีก่อนคริสตกาล จนถึงคริสต์ศักราชที่ 70 ในช่วงเวลานี้เปตราถูกปกครองด้วยกษัตริย์นาม อารีตัสที่ 4 (Aretas IV) ผู้ที่ชาวกรีกยกย่องให้ว่า ฟิโลเดมอส (Philodemos) ซึ่งแปลว่า ผู้รักประชาชน และด้วยความมั่งคั่ง ความเป็นเมืองที่อยู่ห่างไกล และชัยภูมิอันจากแก่การพิชิต จึงทำให้เมืองมีโอกาสเจริญเติบโตได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องกลัวศัตรูจากภายนอก
ชาวเปตรานับถือเทพเจ้าสององค์คือ เทพดูซาเรส (Dushares) เทพแห่งความอุดมสมบูรณ์ และเทพอัลอัซซา (Al Uzza) ชายาของเทพดูซาเรส เทวีแห่งน้ำ
• การล่มสลาย
ด้วยเหตุที่เกิดเมืองใหม่และเส้นทางค้าขายใหม่ที่ปลอดภัยและสะดวกกว่าใน ช่วงเวลาต่อมา เปตราที่เคยเจริญรุ่งเรืองด้วยการค้าก็เริ่มสูญเสียอำนาจลง เมืองอ่อนแอและถูกต่างชาติโจมตีเข้าได้ง่าย จนเมื่อถึงปี พ.ศ. 649 (ค.ศ. 106) พวกโรมันนำโดยจักรพรรดิทราจัน หรือ ไทรอะนุส(Traianus) ได้เข้ายึดครองเปตราและผนวกนครนี้เข้าเป็นจังหวัดในจักรวรรดิโรมัน แต่เปตราก็ยังคงดำรงอยู่เรื่อยมาจนถึงราวปี ค.ศ. 300 เมื่อจักรวรรดิโรมันเริ่มคลอนแคลน ซึ่งต่อมาในปี พ.ศ. 906 (ค.ศ. 363) แผ่นดินไหวก็ได้ทำลายอาคารและระบบชลประทานที่ถือว่าดีมากของเมืองลง
ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 5 เปตรากลายเป็นที่ตั้งคริสต์ศาสนามณฑลของบิชอป แล้วถูกมุสลิมยึดในคริสต์ศตวรรษที่ 7 แล้วก็เสื่อมถอยมาเรื่อยๆ จนลบเลือนหายไปจากผู้คน ถึงแม้ซากเมืองเปตราจะเป็นสิ่งที่น่าอยากรู้อยากเห็นของผู้คนในช่วงยุคกลาง เช่นมีสุลต่านของ อียิปต์ ไบบารส์ (Sultan Baibars) เดินทางเข้าไปเยี่ยมชนในช่วงก่อนคริสต์ศตวรรษที่ 13 แต่การค้นพบเปตราที่นำไปสู่การเปิดเผยต่อสายตาชาวโลกเกิดขึ้นอย่างเงียบๆ เมื่อปี พ.ศ. 2355 (ค.ศ. 1812) เมื่อมีนักสำรวจชาวสวิตเซอร์แลนด์ โยฮันน์ ลุควิก บวร์กฮาร์ท (Johann Ludwig Burckhardt) ซึ่งกำลังเดินทางจากจอร์แดนไปอียิปต์เพื่อไปศึกษาถึงแหล่งที่เป็นต้นกำเนินของแม่น้ำไนล์ บวร์กฮาร์ทได้เห็นด้านหน้าอันใหญ่โตของเปตรา แต่ผู้นำทางท้องถิ่นสั่งห้ามมิให้เขาลงไปทำอะไรที่นั่น บวร์กฮาร์ทจึงแอบบันทึกย่อไว้ขณะที่อูฐเดินผ่าน ถึงแม้จะเป็นเพียงบันทึกเล็กๆ คร่าวๆ แต่ก็ถือได้ว่าเป็นการที่เปิดเมืองสู่สายตาชาวโลก ซึ่งต่อมาในปี พ.ศ. 2369 (ค.ศ. 1826) เลออง เดอ ลาบอร์ด (Leon de Laborde) ชาวฝรั่งเศสที่ได้เดินทางเข้าไปสำรวจเมืองและเขียนหนังสือออกมาเล่มหนึ่งชื่อว่า “Voyage de I’ Arabir Petree” แปลว่า “การเดินทางในเปตราแห่งอาหรับ” (ตีพิมพ์ในปี พ.ศ. 2373) ซึ่งการเขียนหนังสือครั้งนี้ถือเป็นการนำภาพและความรู้ต่างๆที่ชาวโลกไม่เคยเห็นมาเปิดเผยให้ได้รับรู้ การสำรวจทางโบราณคดีเริ่มขึ้นในช่วงต้นของคริสต์ศตวรรษที่ 20 ซึ่งในปัจจุบันก็ยังคงดำเนินการสำรวจอยู่
• มรดกโลก
เปตราได้รับลงทะเบียนให้เป็นมรดกโลกที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ 9 เมื่อปี พ.ศ. 2528 โดยกล่าวอธิบายไว้ว่า “เป็นหนึ่งในสิ่งที่ล้ำค่ามากที่สุดของมรดกทางวัฒนธรรมแห่งมวลมนุษยชาติ” (one of the most precious cultural properties of man’s cultural heritage) ปัจจุบันสามารถเดินทางเข้าไปโดยอาศัยม้าเท่านั้น เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 นครเปตราได้รับคัดเลือกให้เป็น 1 ใน เจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ของโลก จากการลงคะแนนทั่วโลกทั้งทางอินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์มือถือ เปตราได้รับลงทะเบียนให้เป็นมรดกโลกที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ด้วยข้อกำหนดและหลักเกณฑ์ในการพิจารณา ดังต่อไปนี้
– เป็นตัวแทนที่แสดงถึงผลงานชิ้นเอกทีได้ถูกจัดทำขึ้นด้วยการสร้างสรรค์อันแสนฉลาด
– เป็นสิ่งที่ยืนยันถึงหลักฐานของวัฒนธรรมหรืออารยธรรมที่ปรากฏให้เห็นอยู่ในปัจจุบันหรือว่าที่สาบสูญไปแล้ว
– เป็นตัวอย่างอันโดดเด่นของประเภทของสิ่งก่อสร้างอันเป็นตัวแทนของการพัฒนาทางด้านวัฒนธรรม สังคม ศิลปกรรม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี อุตสาหกรรม ในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ
เมื่อคุณรู้จักนครเปตราแล้ว อย่ารอช้าเตรียมไปเที่ยวกับทัวร์จอร์แดนเลยนะจ้ะ
ไม่ทราบว่าผู้อ่านที่รักของผมในที่นี้มีใครเคยไปทัวร์ลาวเช่นกันการขับรถยนต์ไปเองกันบ้างครับ กระผมเชื่อเหลือเกินขอรับว่าน่าจะก็จะยังมีอีกหลายท่านที่รับทราบว่าการไปทัวร์ลาวนั้นสามารถทำได้ด้วยการนั่งรถไฟแล้วข้ามเขตผ่านแดนไปลาวหรือไม่นั่งรถทัวร์ไปลาวโดยที่ยังไม่รับทราบว่าเราสามารถสร้างรถยนต์ส่วนตัวของผมนั้นเดินทางไปทัวร์ลาวได้เช่นกันตัวอย่างเช่นกันซึ่งจะต้องขอบคุณมิตรภาพอันดีระหว่างไทยและลาวที่เปรียบเสมือนที่อยู่อาศัยพี่เมืองน้องพร้อมทั้งสะพานมิตรภาพจุดอื่นๆ ที่ส่งผลให้ไทยลาวได้ใกล้ชิดกันเยอะขึ้น
เพื่อจะขั้นตอนการนำรถยนต์ข้ามฝั่งไปยังประเทศชาติลาวนั้นจำได้ว่าเคยมีกล่าวรวมๆ ไปบ้างแล้วดังนั้นจึงขออนุญาตไม่สนทนาถึงซ้ำอีกแต่จะอาจจะขอพูดถึงเรื่องราวทั่วไปของถนนในประเทศชาติลาวกันดีกว่าขอรับ
ถนนประเทศลาวนั้นมีความยาวโดยประมาณทั้งสิ้น 21,716 กิโลเมตร โดยแบ่งเป็นทางลาดยางคอนกรีตยางประมาณเกือบๆ หนึ่งหมื่นกิโลเมตรส่วนที่เหลือนั้นคงยังคือดินลุกรังพร้อมทั้งถนนขรุขระอยู่ แต่อย่างไรก็ตามทางรัฐบาลลาวเองนั้นเขาก็ได้มีการปรับปรุงถนนปกติๆ ให้กลายคือถนนลาดยางเพิ่มขึ้นไปทุกปีโดยมีการตั้งเป้าไว้ว่าให้ถนนสายหลักทุกสายของลาวเป็นถนนลาดยางให้เสร็จก่อนที่จะก็จะเปิดรับ AEC ในปี 2558
มีข้อควรเสนอสำหรับผู้ที่ประเมินจะคงจะนำรถยนต์ของตัวเองไปเที่ยวลาวมาฝากกันครับเป็นทันทีที่ผมข้ามผ่านแดนไปยังประเทศลาวแล้วผมจะต้องขับรถเลนขวาทันทีครับผมเนื่องจากเพราะประเทศลาวนั้นเขาขับรถกันเลนขวาไม่ราวกับประเทศชาติผมที่ขับรถเลนซ้ายไม่เช่นนั้นแล้วเกิดอุบัติเหตุอย่างแน่นอนขอรับ
ดนตรี บันเทิง ชุมชนข่าวสาร